(โรคเยื่อบุโพรงมดลูกผิดที่)
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) เป็นภาวะในผู้หญิงที่มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต การเจริญพันธุ์ และสุขภาพโดยรวม บทความนี้จะให้ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับสาเหตุ อาการ การวินิจฉัย การรักษา และแนวทางดูแลตนเอง เพื่อให้คุณผู้อ่านมีข้อมูลที่รอบด้านและรู้จักแนวทางป้องกันหรือจัดการภาวะนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่คืออะไร?
เยื่อบุโพรงมดลูก (Endometrium) คือชั้นเนื้อเยื่อที่อยู่ภายในโพรงมดลูก ซึ่งมีบทบาทสำคัญในรอบเดือนและการฝังตัวของตัวอ่อน แต่ในภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เยื่อชนิดเดียวกันกลับไปเจริญนอกโพรงมดลูก เช่น ที่ผิวรังไข่ ท่อนำไข่ เยื่อบุช่องท้อง หรืออวัยวะใกล้เคียง และมีพฤติกรรมเหมือนเยื่อในโพรงมดลูก คือหนาตัว หลุดลอก และมีเลือดออกในช่วงรอบเดือน หากอยู่ในตำแหน่งที่เลือดไหลออกไม่ได้ จะเกิดการอักเสบและทำให้เกิดพังผืดหรือซีสต์ได้
หนึ่งในรูปแบบที่มักพูดถึงคือ ช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate cyst หรือ Endometrioma) ซึ่งเป็นซีสต์ในรังไข่ที่มีเลือดเก่าเก็บตัวอยู่ภายใน เหมือนสีช็อกโกแลตเข้ม จึงได้ชื่อมา
นอกจากนี้ ยังมีภาวะที่เยื่อบุโพรงมดลูกแทรกเข้าไปในกล้ามเนื้อมดลูก เรียกว่า Adenomyosis ซึ่งบางครั้งถือเป็น “เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ภายในมดลูก” ด้วย

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
แม้ปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่าอะไรเป็นสาเหตุโดยตรงของภาวะนี้ แพทย์และนักวิจัยให้แนวคิดหลัก ๆ ดังต่อไปนี้:
แนวคิด / ทฤษฎี | รายละเอียดและข้อสังเกต |
---|---|
การไหลย้อนของประจำเดือน (Retrograde menstruation) | เลือดและเซลล์เยื่อบุจากโพรงมดลูกไหลย้อนผ่านท่อนำไข่เข้าไปในช่องท้อง และเซลล์อาจฝังตัวที่เนื้อเยื่อต่าง ๆ |
การเปลี่ยนแปลงของเซลล์พื้นฐาน (Coelomic metaplasia) | เซลล์ผิวเยื่อบุช่องท้องอาจเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์คล้ายเยื่อบุโพรงมดลูกภายใต้แรงกระตุ้นฮอร์โมน |
ระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ | ร่างกายไม่สามารถทำลายเนื้อเยื่อที่เจริญผิดที่ ทำให้มันยังคงเจริญเติบโตและก่อการอักเสบได้ |
ปัจจัยทางพันธุกรรม | หากมีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ โอกาสเสี่ยงจะสูงขึ้น |
ฮอร์โมน (เอสโตรเจนสูง) | เอสโตรเจนส่งเสริมให้เยื่อบุเจริญเติบโตทั้งในและนอกมดลูก จึงอาจกระตุ้นโรคให้กำเริบได้ |
การผ่าตัดในช่องท้อง | เซลล์เยื่ออาจย้ายไปติดบริเวณแผลผ่าตัดได้ |
การขนส่งผ่านระบบเลือดหรือน้ำเหลือง | เซลล์เยื่อบุอาจเดินทางผ่านระบบเลือดหรือน้ำเหลืองไปยังอวัยวะห่างไกลได้ |
ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสเกิดภาวะนี้ ได้แก่:
- ไม่เคยตั้งครรภ์มาก่อน
- รอบประจำเดือนสั้น (เช่น < 27 วัน)
- ประจำเดือนมาผิดปกติ
- อายุเริ่มมีประจำเดือนเร็ว / เข้าสู่วัยหมดประจำเดือนช้า
- ดัชนีมวลกาย (BMI) ต่ำ
- มีประวัติครอบครัวเผชิญโรคนี้
- ปัจจัยเกี่ยวกับฮอร์โมน เช่น ระดับเอสโตรเจนสูงหรือประวัติการใช้ฮอร์โมนบางชนิด
อาการที่ควรรู้
อาการของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่อาจแตกต่างกันมากในแต่ละคน บางรายอาจไม่มีอาการเลย ขณะที่บางรายอาจมีอาการรุนแรงที่ส่งผลต่อชีวิตประจำวัน
อาการหลักที่พบบ่อย
- ปวดประจำเดือนรุนแรง (ปวดเกร็งในท้องน้อย / หลัง) และอาจเริ่มก่อน มีหรือหลังช่วงมีประจำเดือน
- ปวดเรื้อรังบริเวณช่องเชิงกราน แม้ไม่ใช่ช่วงมีประจำเดือน
- เจ็บขณะหรือหลังมีเพศสัมพันธ์ (dyspareunia)
- ปวดขณะถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะ โดยเฉพาะในช่วงมีประจำเดือน
- ประจำเดือนไหลมากกว่าปกติ หรือมีเลือดออกผิดปกติ
- มีปัญหาในการตั้งครรภ์ (ภาวะมีบุตรยาก)
- อาการอื่น ๆ เช่น ท้องอืด คลื่นไส้ อ่อนเพลีย หรือระบบทางเดินอาหารแปรปรวน (ท้องเสีย / ท้องผูก) โดยเฉพาะในช่วงรอบเดือน
หนึ่งข้อที่สำคัญคือ ความรุนแรงของอาการไม่ใช่ตัวชี้วัดขั้นของโรค — แม้โรคจะรุนแรง อาจมีอาการเบา หรือในทางกลับกัน อาการรุนแรงอาจเกิดจากโรคในระยะไม่กว้างขวางมากก็ได้
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยภาวะนี้มักต้องอาศัยการประเมินหลายวิธีร่วมกัน:
- ซักประวัติและตรวจร่างกาย
- อัลตราซาวนด์ (Ultrasound) เช่น ทางช่องคลอด
- ภาพ MRI (Magnetic Resonance Imaging) เพื่อประเมินพังผืด
- การส่องกล้อง (Laparoscopy) พร้อมชิ้นเนื้อ (biopsy) เพื่อยืนยันการวินิจฉัย
แนวทางการรักษา
1. การรักษาแบบไม่ผ่าตัด — ยาและการจัดการอาการ
- ยาแก้ปวด (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน
- ฮอร์โมนบำบัด เช่น ยาคุมกำเนิด ยาโปรเจสติน หรือ IUD แบบปล่อยฮอร์โมน
- การติดตามอาการอย่างใกล้ชิด หากอาการไม่รุนแรง
2. การผ่าตัด (โดยเฉพาะผ่านส่องกล้อง)
- การส่องกล้อง (Laparoscopic surgery) เพื่อตัดรอยโรคหรือพังผืด
- การกำจัดช็อกโกแลตซีสต์
- การตัดมดลูกหรือรังไข่ (เฉพาะกรณีรุนแรงและไม่ต้องการมีบุตร)
3. การช่วยเจริญพันธุ์ (สำหรับผู้ที่มีปัญหาการตั้งครรภ์)
- ผ่าตัดเพื่อเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์
- การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF)
- ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านภาวะมีบุตรยาก
แนวทางดูแลตนเองและป้องกัน
- รับประทานอาหารที่มีสารต้านการอักเสบ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี
- หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป น้ำตาล ไขมันอิ่มตัว
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด
- หลีกเลี่ยงสารเคมีที่รบกวนระบบฮอร์โมน
- ตรวจสุขภาพภายในเป็นประจำ
สิ่งที่ควรพูดคุยกับแพทย์
- รายละเอียดอาการ ปวดช่วงใด ความถี่ ความรุนแรง
- อาการร่วมอื่น ๆ เช่น ปวดตอนมีเพศสัมพันธ์หรือระบบขับถ่ายผิดปกติ
- ความต้องการมีบุตรหรือไม่
- ประวัติครอบครัวเกี่ยวกับโรค
- ผลตรวจหรือภาพทางการแพทย์ก่อนหน้า
- ยาที่ใช้อยู่และประวัติการรักษา
สรุป
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) เป็นภาวะทางนรีเวชที่ซับซ้อนและเรื้อรัง แม้อาการและความรุนแรงจะแตกต่างกันในแต่ละคน แต่เมื่อได้รับการวินิจฉัยและจัดการอย่างเหมาะสม ผู้ป่วยสามารถมีชีวิตประจำวันที่มีคุณภาพดีและยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้
หากคุณมีอาการที่น่าสงสัย อย่าลังเลที่จะพบแพทย์เฉพาะทางนรีเวชเพื่อตรวจวินิจฉัยและรับแนวทางการดูแลที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล