ปวดประจำเดือนแบบไหนผิดปกติ?
อาการปวดท้องประจำเดือน (หรือ “ปวดท้องเมนส์”) เป็นสิ่งที่ผู้หญิงจำนวนมากมักเผชิญทุกเดือน มีตั้งแต่เบาๆ จนถึงปวดมาก ซึ่งบางอาการถือเป็นเรื่องปกติธรรมชาติ แต่บางอาการกลับเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม บทความนี้จะช่วยให้คุณรู้ว่า “อาการปวดประจำเดือนแบบไหนผิดปกติ” และควรทำอย่างไรเมื่อต้องเผชิญ
ปวดท้องประจำเดือน (ปวดท้องเมนส์) — ปกติ vs ผิดปกติ
ปวดประจำเดือนแบบปฐมภูมิ (Primary Dysmenorrhea) — ปกติ
ปวดท้องประจำเดือนประเภทนี้เป็นแบบที่ไม่มีโรคซ่อนเร้น มักเกิดจากการที่ร่างกายผลิตสารโพรสตาแกลนดิน (prostaglandin) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้มดลูกหดตัวเพื่อขับเยื่อบุโพรงมดลูกออกมา
ลักษณะทั่วไปของอาการปวดแบบปฐมภูมิที่ถือว่า “ปกติ”:
- เริ่มปวดช่วง 1-2 วันแรกของประจำเดือน
- ปวดอยู่ในท้องน้อย อาจร้าวไปหลังหรือต้นขา
- ปวดแบบบีบ ๆ หน่วง ๆ มีบางรายอาจมีอาการร่วม เช่น คลื่นไส้ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย
- ใช้ยาแก้ปวด หรือวิธีประคบร้อน ออกกำลังกายเบา ๆ ก็ช่วยได้
ปวดท้องประจำเดือนแบบทุติยภูมิ (Secondary Dysmenorrhea) — ผิดปกติที่อาจมีโรคซ่อนเร้น
เมื่ออาการปวดไม่เป็นแค่ทุกเดือนอย่างที่เคยเป็น แต่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย อาจเป็นสัญญาณของโรคที่ควรได้รับการตรวจ เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เนื้องอกมดลูก adenomyosis ปากมดลูกตีบ หรืออักเสบในอุ้งเชิงกราน เป็นต้น

อาการปวดท้องเมนส์ที่ควรยอมรับว่า “ผิดปกติ”
ต่อไปนี้คือสัญญาณเตือนที่ควรไปพบแพทย์นรีเวชเมื่อมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย:
อาการ | รายละเอียด |
---|---|
ปวดมากขึ้นทุกเดือน | หากปวดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกเดือน จนเกินกว่าที่เคยเป็น |
ใช้ยาแก้ปวดแล้วไม่ดีขึ้น | ต้องทานยาหลายครั้ง/หลายเม็ด หรือแม้แต่ฉีดยาแก้ปวดแล้วยังไม่ทุเลา |
ปวดมากจนกระทบกับชีวิตประจำวัน | เช่น ไม่สามารถไปเรียน/ทำงานได้ เช่น นอนงอแง หรือไม่อยากลุกไปไหนเลย |
ปวดนานเกินกว่า 1-2 วัน | บางรายปวดต่อเนื่องนอกช่วงประจำเดือน หรือปวดล่วงหน้าหลายวัน |
เลือดประจำเดือนมามาก/ผิดปกติ | มามากจนต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ มีเลือดออกมากหรือนานกว่าปกติ |
ปวดร่วมกับอาการอื่น เช่น ไข้ ตกขาวมีกลิ่น หรือมีเพศสัมพันธ์เจ็บ | ถ้าปวดแล้วมีไข้ร่วมด้วย มีตกขาวมีกลิ่น ผิดปกติ เจ็บตอนมีเพศสัมพันธ์ ฯลฯ |
อายุเริ่มปวดรุนแรงครั้งแรกหลังอายุ 25-30 ปี | ถ้าไม่เคยมีอาการปวดมาก่อน แล้วอยู่ ๆ เริ่มมีอาการรุนแรงเมื่อตอนโตแล้ว |
ปวดท้องแม้ไม่มีประจำเดือน/มีการปวดทางทวารหนักหรือปัสสาวะ | เช่น ปวดอยากถ่ายอุจจาระแต่ถ่ายไม่ได้ ปวดท้องน้อยขณะปัสสาวะหรือเบ่งถ่ายมากขึ้น ฯลฯ |
มีปัญหาภายในที่เกี่ยวกับการเจริญพันธุ์ | มีบุตรยาก เคยผ่าตัด หรือมีประวัติอักเสบในอุ้งเชิงกราน ฯลฯ |

สาเหตุที่ทำให้ปวดท้องประจำเดือนผิดปกติ
เมื่อมีอาการผิดปกติดังกล่าวแล้ว สาเหตุที่เป็นไปได้มีหลายประการ ดังนี้:
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis)
- เนื้องอกมดลูก (Uterine fibroids / Myoma uteri)
- เยื่อบุมดลูกเจริญภายในกล้ามเนื้อมดลูก (Adenomyosis)
- ปากมดลูกตีบ
- อักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน (PID)
- พังผืดในอุ้งเชิงกราน
- โรคทางนรีเวชอื่น ๆ หรือความผิดปกติของฮอร์โมน
วิธีจัดการ & แนวทางดูแลตัวเอง
แม้บางอาการจะต้องไปพบแพทย์ แต่หลายกรณีก็สามารถบรรเทาได้ที่บ้านร่วมกับการดูแลสุขภาพทั่วไป ดังนี้:
- ประคบร้อนบริเวณท้องน้อยหรือหลังล่าง
- ออกกำลังกายเบา ๆ หรือการเคลื่อนไหว เช่น เดิน โยคะ
- ทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารรสจัด หวานจัด คาเฟอีน
- พักผ่อนให้เพียงพอ และลดความเครียด
- ใช้ยาแก้ปวดถ้าจำเป็น โดยเฉพาะกลุ่ม NSAIDs เช่น ไอบูโพรเฟน
- ใช้ฮอร์โมนหรือยาคุมตามคำแนะนำแพทย์
เมื่อไรควรไปพบแพทย์
หากคุณมีอาการต่อไปนี้ ควรรีบไปพบสูตินรีแพทย์:
- อาการปวดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกเดือน
- ปวดมากจนไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- ใช้ยาแก้ปวดบ่อยแต่ไม่ทุเลา
- มีตกขาวผิดปกติ หรือกลิ่น/สีเลือดเปลี่ยน
- มีไข้ร่วมด้วย
- ประจำเดือนมามากหรือนานเกินไป
- เคยมีประวัติอักเสบหรือผ่าตัดภายใน
สรุป
- อาการ ปวดท้องประจำเดือน (ปวดท้องเมนส์) เป็นเรื่องปกติ แต่หากมีความรุนแรงมากขึ้นหรือมีอาการผิดปกติร่วม ควรได้รับการวินิจฉัย
- การดูแลตัวเองร่วมกับการปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน