ฮอร์โมนคือสารเคมีที่หลั่งจากต่อมไร้ท่อต่าง ๆ ในร่างกาย มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ เช่น ระบบสืบพันธุ์ อารมณ์ พลังงาน การนอนหลับ และการเผาผลาญ เมื่อระดับฮอร์โมนไม่สมดุล มักส่งผลให้เกิดอาการที่หลายคนไม่คาดคิด เช่น รอบเดือนผิดปกติ เหนื่อยล้าเรื้อรัง อารมณ์แปรปรวน หรือแม้แต่ภาวะมีบุตรยาก การตรวจวัดระดับฮอร์โมนจึงเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญในการประเมินสุขภาพโดยรวมอย่างลึกซึ้งและตรงจุด
เมื่อไหร่ควรตรวจระดับฮอร์โมน?
ผู้หญิงควรพิจารณาการตรวจวัดระดับฮอร์โมนเมื่อมีอาการหรือความผิดปกติดังต่อไปนี้:
- ประจำเดือนผิดปกติ เช่น ขาดประจำเดือน มาช้า มาเร็วกว่าปกติ หรือมีเลือดออกไม่ตรงรอบ
- มีอาการของวัยทองก่อนวัย เช่น ร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืน หงุดหงิดง่าย
- มีบุตรยาก หรือวางแผนตั้งครรภ์ การตรวจฮอร์โมนช่วยประเมินภาวะตกไข่และคุณภาพของระบบสืบพันธุ์
- มีอาการของ PCOS เช่น ขนดก สิวเรื้อรัง น้ำหนักเกิน และรอบเดือนขาด
- อารมณ์หรือการนอนผิดปกติ เช่น เครียดเรื้อรัง นอนไม่หลับ ซึมเศร้า
- ผมร่วง ผิวแห้ง น้ำหนักเปลี่ยนแปลงโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งอาจสัมพันธ์กับฮอร์โมนไทรอยด์หรือคอร์ติซอล
ฮอร์โมนที่นิยมตรวจ
- Estrogen (เอสโตรเจน): ช่วยควบคุมรอบเดือนและพัฒนาระบบสืบพันธุ์
- Progesterone: มีบทบาทในช่วงหลังไข่ตกและระหว่างตั้งครรภ์
- FSH / LH: ควบคุมการทำงานของรังไข่และการตกไข่
- Prolactin: เกี่ยวข้องกับการหลั่งน้ำนม และหากสูงเกินไปอาจรบกวนรอบเดือน
- Testosterone: ส่งผลต่อกล้ามเนื้อ ความต้องการทางเพศ และระดับพลังงาน
- Cortisol: ฮอร์โมนความเครียดที่ส่งผลต่อการนอน น้ำหนัก และภูมิคุ้มกัน
- T3 / T4 / TSH: ฮอร์โมนไทรอยด์ที่ควบคุมการเผาผลาญและอารมณ์
- AMH (Anti-Müllerian Hormone): ใช้ประเมินจำนวนไข่ในรังไข่ เหมาะสำหรับผู้วางแผนมีบุตร

วิธีตรวจระดับฮอร์โมนที่นิยม
- ตรวจเลือด: เป็นวิธีมาตรฐานที่ใช้วัดฮอร์โมนส่วนใหญ่ ได้ผลแม่นยำสูง
- ตรวจน้ำลาย: เหมาะสำหรับวัดฮอร์โมนรายวัน เช่น Cortisol ใช้ง่ายแต่แม่นยำน้อยกว่า
- ตรวจปัสสาวะ: ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนตลอดวัน เช่น เมตาบอไลต์ของเอสโตรเจน
- ตรวจจากเลือดแห้ง (Dried Blood Spot): เป็นชุดตรวจที่ใช้ที่บ้าน ปลอดภัยและสะดวก
คำแนะนำก่อนตรวจ
- ตรวจเลือดในช่วงที่เหมาะสม เช่น วันที่ 2–5 ของรอบเดือนสำหรับ FSH/LH หรือวันที่ 21 สำหรับ Progesterone
- ควรงดออกกำลังกายหนักและงดอาหารเสริมบางชนิดก่อนตรวจ
- แจ้งแพทย์หากใช้ยาคุมกำเนิดหรือยาฮอร์โมนอื่น ๆ
การแปลผลและการดูแลต่อเนื่อง
ผลตรวจฮอร์โมนควรได้รับการวิเคราะห์โดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากแต่ละค่าแปรผันตามอายุ ช่วงเวลาในรอบเดือน และประวัติสุขภาพ หากพบค่าผิดปกติ อาจมีแนวทางดูแลเพิ่มเติม เช่น การใช้ฮอร์โมนทดแทน การเปลี่ยนพฤติกรรมอาหาร หรือปรับกิจวัตรประจำวันร่วมด้วย
การตรวจวัดระดับฮอร์โมนเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าใจร่างกายตนเอง โดยเฉพาะเมื่อมีสัญญาณเตือนว่าฮอร์โมนอาจไม่สมดุล การตรวจที่เหมาะสมในช่วงเวลาถูกต้องจะช่วยให้วินิจฉัยได้แม่นยำ พร้อมวางแผนการดูแลสุขภาพได้ตรงจุดในทุกช่วงวัยของผู้หญิง